วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

ญี่ปุ่น... อีกสักครั้ง


วันนี้ว่างจัด เลยจัดไป อัพเกี่ยวกับญี่ปุ่นมันทีเดียว 2 กระทู้ติดกันรวด ไม่ได้ผูกพันธ์อะไรมากนะ ไม่ได้มีเพื่อนคนญี่ปุ่น หรือคลั่งชาตินี้หรอก เกิดมานี่ก็ยังไม่เคยไปเยือนญี่ปุ่นเล้ย แต่นะ เราๆท่านๆก็สามารถ รู้สึกผูกพันธ์ มีสายใยกับประเทศนี้กันได้ เอาง่ายๆ การ์ตูนญี่ปุ่น ตัวดีเลย ทั้งหนังสือ ทั้งในทีวี เห็นมาแต่อ้อนแต่ออก เลิกเรียนตอนเด็กๆ ชอบม้ากก ดราก้อนบอลแซ่ด โงกุน หรือจะ โดเรม่อน อิคคิวซัง ชินจัง โคนันคุง สแลมดั๊ง เซเล่อมูล ฯลฯ มากมายชอบหลายเรื่อง หรือจะดนตรี หนัง แฟชั่น เครื่องสำอาง เทคโนโลยี ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน ต้องมีที่มาจากญี่ปุ่นกันมั่งล่ะน่า อาหารญี่ปุ่นนี่ เดี้ยนก็ชอบนะ แต่ชอบประเภทราเมง ต้ม ปิ้ง ย่าง นึ่ง ทอด ซูชิบางหน้า ถ้าอะไรดิบๆนี่ก็ไม่ค่อยกล้ากิน

มะ มาเข้าเรื่อง จะขอยกเรื่องอาหารญี่ปุ่นละกัน อันว่าในเมืองโคราชบ้างเอ๋ง (ออกเสียงแบบโคราชนะ มะใช่ เอ๋งๆ แบบภาษากลาง) มีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่หลายร้านเลยล่ะ ในห้างอย่างเดอะมอลล์โคราช ก็มีร้านเฟรนไชน์ดังๆ อย่าง ฟูจิ, ชาบูชิ, ยาโยอิ, โออิชิ, ฮาจิบัง เป็นต้น หรือจะร้านตั้งกันเอง ที่อยู่ในอำเภอเมืองก็มีหลายร้านอยู่ วันนี้เลยขอแนะนำ 1 ในร้านทำเองเหล่านั้น นี่เลย ร้าน "โทโมดาจิ" (แปลไทย = เพื่อน)

ไปลองชิมร้านนี้กับนังน้องสาว ตั้งตะปีที่แล้ว ร้านตั้งอยู่เส้นถนนมนัสฝั่งซ้ายก่อนถึงแยกที่ตัดกับถนนพลแสน (ใกล้ศาลเจ้าพ่อช้างเผือก) แยกนี้ ที่พอออกไปจะเจอโรงเรียนสุรนารีนั่นล่ะ เป็นร้านเล็กๆ น่ารักๆ ตกแต่งเรียบง่าย แต่ได้อารมณ์ญี่ปุ่น มีโต๊ะแบบนั่งพื้นและนั่งเก้าอี้ไว้บริการ เปิด 2 ช่วง คือ เช้า 11.00-14.00 น. กับ ตอนเย็นจำไม่ได้ว่า 5 โมงหรือ 6 โมงนี่ล่ะ ถึง 3 ทุ่มมั้ง มีหลายเมนูให้เลือกสรร ทั้งซูชิ ราเมง เส้นๆ ข้าวๆ สลัด ซุปต่างๆ รสชาดใช้ได้ อร่อย แต่ไม่ถึงแบบอร่อยสุโก้ยขั้นเทพ เมพขิงๆนะ อร่อยแนวๆคนไทย จานก็ใหญ่ดี ราคาไม่แพงมากด้วย โอเคเลย วันนั้นกินไป 4 อย่าง 2 คน อิ่มแทบแบกพุง กินไม่หมดกันด้วย ค่าเสียหาย 320 บาท ถูกกว่าฟูจิ มว๊ากก พอแกล้มๆได้บรรยากาศในความเป็นญี่ปุ่น และคนญี่ปุ่น ไปดูหน้าตาตามรูปปลากรอบด้านล่างกันเลย ขออภัยนางแบบ ที่หน้ามันไม่ค่อยจาให้ด้วยจ้า

ขอจบเอนทรี่นี้ ด้วยความเป็นห่วงกับสิ่งที่คนญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่น กำลังเผชิญ เดี้ยนคนไทย ภูมิภาคเอเชียเดียวกันขอส่งแรงใจให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้นะจ๊ะ

ปอลอ. เขาว่า ญี่ปุ่น ไม่ได้ต้องการเงินบริจาค ในรูปแบบเงินจากใคร ประเทศไหนเลยนะ เพราะบ้านเขาไม่เดือดร้อนเรื่องเงินอยู่แล้ว เรียกได้ว่า พิมพ์ออกมาใหม่ แจกไปใช้กันได้ชิวๆ แต่กระนั้น ถ้าอยากช่วย จะขอช่วยเป็นเงินก็ยังได้อยู่ คนหรือหน่วยงานที่รวบรวม เขาจะไปซื้อของแล้วให้เป็นสิ่งของอะไรก็ว่ากันไปอีกที เขาคงรับไว้แน่นอน หรืออีกแนวคิด คือ จะถือโอกาสไปบริจาคผ่านมูลนิธิอื่นๆ อะไรก็ได้ ที่ไม่เกี่ยวกับภัยญี่ปุ่นครั้งนี้ และมอบเป็นกุศล ส่งแรงใจให้ชาวญี่ปุ่น อย่างนี้ก็ได้ แล้วแต่ท่านๆนะคะ (ว่าแต่ ใครจะมาอ่านตรูมั่งเนี่ย เอาเป็นว่าเขียนเองอ่านเองนี่ล่ะ อืม)











I don't know what to say... so I keep silence.

ตั้งหัวข้อด้วยความ งง แถมกระแดะใช้ภาษาปะกิตอีก แปลออกมาก็ประมาณ

"ฉันไม่รู้ว่าจะพูดออกไปยังไงดี ก็เลย เลือกที่จะเงียบมันไปซะ" ตามนั้น

ขอระบายแนวเก็บกด ไม่รู้เป็นไง ช่วงนี้ความคิดหลายๆ อย่างมันประเดประดาเข้ามามากมาย ทั้งชีวิตส่วนตัวเรื่องในบ้าน หลายเรื่อง แต่ยกเรื่องที่กระทบกระเทือน ทำร้ายเซลฟ์ที่สุด ก็คือนังน้องสาวที่เปลี่ยนไป มันเอาแต่หมกตัวคุยโทรศัพท์ ล็อกตัวอยู่ในห้องมัน ไม่รู้มันจะแอบอะไรนักหนา ต้องเป็นหนุ่มๆแน่นอนมันถึงลับๆล่อๆแบบนี้ มันเปลี่ยนไป มันไม่สนใจพี่สาวมันเลย มันคุยกับพี่มันน้อยลงมากถึงมากที่สุด อีพี่นี่ก็ตัวคนเดียว ไม่คบเพื่อนฝูง และไม่มีใครคบอยู่แล้ว มันเลยยิ่งตัวคนเดียวเข้าไปใหญ่

ไม่ว่าจะเรื่องการงาน ที่เริ่มคิดเป็นตุเป็นตะ ว่าตรูจะทำงานเป็นสาวโรงงานแห่งนี้ไปอีกนานแค่ไหน นี่คือสิ่งที่ตรูต้องการใช้ชีวิตกับมันไปอีกสิบ ยี่สิบปี่จริงๆหรือ ถ้าตรูหางานใหม่ ตรูจะทำอะไร ว่าแต่ถ้าลาออก ตรูจะได้งานมั้ย เอาง่ายๆก่อน ใครจะรับตรูไปทำงาน เกรดจบมาก็โคตรน้อย ความรู้ก็ไม่ค่อยมี เดี๋ยวนี้คนตกงานเยอะจะตาย ขนาดเกรดดีๆ ความรู้รอบด้าน ยังหางานยากเลย หรือแม้แต่เรื่องความ(แอบ)รัก ที่ทุกวันนี้ เอาแต่หลบๆ ไม่กล้าเจอเขา ทั้งที่อยากเจอ อยากคุย อยากรู้จัก ระริกระรี้ แต่ก็ไม่มีอะไรชัดเจนในชีวิตสักอย่าง นี่มันอะไรกัน ชีวิตของหล่อนเองนะยะ ทำไมหล่อนเลือกให้มันเป็นแบบนี้ จะยังไงกะชีวิตดีฟะ ตรูสับสน ตรูไม่รู้ อ๊ากกก เงียบๆก่อนละกัน

เท่านั้นไม่พอ เรื่องของเรื่องที่ทำให้เกิดอาการไม่รู้จะพูดยังไง ก็คือช่วงนี้เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น แถวนาโตริ ซึ่งอยู่ทางเหนือของประเทศ โดนกันทั้งชายฝั่ง เมืองเซนไดที่ตั้งโรงงานผลิตกล้องนิคค่อนก็โดนไปด้วย (วางแผนว่าจะซื้อกล้องนิค จะโดนขึ้นราคามั้ยหนอ) ระลอกแรกนี่เกิดตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11 มีนา หนักซะโด้ยตั้ง 8.9 ริกเตอร์เชียวนะตัวเธอ มีอาฟเตอร์ช็อค ร๊อคเดอะเพลส ตามมาอีกเรื่อยๆด้วย เขาว่าครั้งนี้ร้ายแรงเป็นรองเทียบเท่ากับเมื่อตอนครั้งประวัติศาสตร์ 9 ริกเตอร์กว่าๆนั่นด้วยเชียว (ขออภัย ไม่รู้ว่าครั้งแรงสุดเกิดที่ไหน หามะทัน ติดไว้ก่อนนะจ๊ะ)

ถึงประเทศญี่ปุ่นจะโดนแผ่นดินไหวกันเป็นว่าเล่น เป็นชิวๆ จนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนญี่ปุ่น เคยอ่านเจอระบุว่า บางเมืองไหวมากสุดถึงวันละ 150 ครั้งนู่นเลย แต่เป็นแรงสั่นสะเทือนในระดับต่ำๆ ไม่ได้ไหวมากมาย จนเกินรับไหวเหมือนคราวนี้ ครั้งนี้ดูเขาสูญเสียมากมาย ตั้งตัวไม่ทัน ขนาดเซียนโดนบ่อยยังพลาดได้เลย ธรรมชาติพิโรธ นี่ชักจะแรงไปแล้วนะ งึ่ม แต่ยอมรับว่าระบบต่างๆของบ้านเขาดีมาก เชื่อมโยงกันรวดเร็ว เกิดเหตุไม่กี่วินาที ระบบออโตเมติกสั่งรถไฟที่จะมุ่งหน้าไปทางเมืองเกิดเหตุหยุดปั๊บทันที แต่ก็นะถึงจะรู้ก่อนตั้ง 3 ชั่วโมง เตือนภัยไปแล้ว อพยพไปบ้าง แต่ของมันแรง มันไว มันเกินต้านทานจริงๆ ในบางภาพข่าว บางวิดีโอเห็นยังขับรถยังวิ่งๆหนีตายอยู่เล้ย ไม่รู้เขาจะรอดไหม ดูแล้วสะเทือนใจน้ำตาคลอมาก (ดราม่าเข้าเบ้าตาเลย)

แต่เหนืออื่นใดจากเรื่องระบบต่างๆที่ดีเยี่ยม ที่ช่วยป้องกันการสูญเสียมากกว่าที่ควรจะเป็น สิ่งที่ได้เห็นจากเหตุภัยพิบัติครั้งนี้ คือการรับมือของ คนญี่ปุ่น เขาดูเป็นระบบระเบียบ มีวินัย ไม่วิตก ตื่นตูมกันแบบ รึ่บ มาก (รึ่บ = ราบรื่น) แม้ในยามอดอยาก สิ่งของจำกัด บางแห่งไม่มีไฟ ไม่มีน้ำ เขายังต่อแถวด้วยความเป็นระเบียบ เจ้าหน้าที่รัฐก็ทำตามหน้าที่อย่างเต็มที่เห็นบ้านเขาแล้วก็อด เอามาเปรียบกับตัวเองและประเทศตัวเองไม่ได้ ก็ยอมรับว่าบางที่เดี้ยนก็เคยคิดเห็นแก่ตัวและคนในครอบครัวก่อนอ่ะนะ และก็เคยเห็นคนไทยบางคน บางกลุ่ม ที่ทั้งไร้ระเีบียบวินัยและแล้งน้ำใจในเวลาเดียวกันมาบ้าง ตอนไปซื้อน้ำมันช่วงขาดตลาดนี่เห็นภาพกันจะๆเลย ก็นั่งนึกไปว่าถ้าบ้านเราเจออย่างเขา ช่วงผ่านเหตุการณืไปแล้ว เวลารับของแจก ต้องมีมวยเดือดเจ็ดสี มวยดีอัศวินดำ กันแน่นอน

คิดแล้วก็ได้แต่ keep silence
เฮ่อ...




















Thank you a great sharing snap shot from around the world : All Eyes
Source : http://www.tampabay.com/blogs/alleyes/content/earthquake-tsunami-japan




ภาพชุดด้านบน ขอบคุณเว็บไซต์พันทิปห้องหว้ากอค่ะ
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10337010/X10337010.html






illustration by natascha rosenberg and print by Adam.

Thank you a great blog : bloesen kids
From : http://bkids.typepad.com/intro/2011/03/shall-we-start-with-this-donate-illustration-by-natascha-rosenberg-and-print-by-adam-japan-help-information.html

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

ยืมเขามาโพส ... ตอน สังคมวัยรุ่นสมัยนี้ แรงแหกโค้งกันเจงๆ

********************************************************************************
ว่าจะเขียนบล็อกแนวๆเพื่อชีวิต เกี่ยวกับข้อสงสัยในตัวดิฉันเอง ว่าทำไมตั้งแต่เกิดมาเป็นผู้หญิง สาวบ้าง เถื่อนบ้าง สวยบ้าง อุบาทบ้าง มันยังไม่เคยมีฟงมีแฟน มีกิ๊กมีเดท อะไรกับใครเขาบ้างเล้ย อีกไม่กี่ปีก็จะ 30 สิบขวบเข้าไปแล้ว จะลองแรงแรดก็ไม่ไหว เละไม่เป็นท่า มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของอ้อย มันบ่แม่น มันบ่คือ มันประดักประเดิด มันกระด๊ากป๊าก

พลันนั้น ระหว่างนั่งว่างๆ จากงาน (แต่จริงๆไม่ว่าง) ก็ได้เจอกระทู้อ่านขำๆเพลินๆแต่สะท้อนสังคมวัยรุ่นสมัยนี้เสียยิ่งนัก เด็กผู้หญิง อยากเป็นสาวจนเกินงาม นุ่งสั้นดันโน้ม แต่งหน้าทาปาก เม้าท์คิกคักกันเรื่อง xx ผู้ชาย เก็บแต้ม ล่า x กันเป็นว่าเล่น พูดคำหยาบ ทักกันโลนๆ เฮ้อ ยาวๆไปๆ แล้วนี่ นึกว่าจะเป็นที่ย่อมหญ้าบ้านนอกถิ่นแถวนี้แค่นั้น แต่ไม่เลย มันเป็นอย่างนี้กันทั้งประเทศ แรงกันถ้วนหน้าประชาร่วมใจสุดๆ ความคิดตรูนี่แค่เด็กอายุในครรภ์ 2 เดือนไปเลย หรือช้่านมันแก่ไป แต่รับไม่ได้จริงๆนะ

อะ อย่ารอช้า ไปอ่านเหตุการณ์ จากคนที่พบเจอจริง และนำมาโพสเล่าสู่กันฟังที่กระทู้พันทิปห้องแป้ง กันเลยดีกั่ว
********************************************************************************




วันอาทิตย์อันร้อนอบอ้าว เหนียวเหนอะหนะราวกับกระสอบเกลือเมื่อวาน
ผมได้โดยสารรถเมล์อันเป็นพาหนะหลักที่ใช้เดินทางใน กทม ในยามที่น้ำมันแพงขนาดนี้
ผมมาลงที่หน้าสวนจตุจักร เพื่อจะนั่งรถไฟใต้ดินต่อไปงานท่องเที่ยว
ระหว่างทางเจอกลุ่มน้อง ม.ต้น กลุ่มหนึ่งประมาณ 5 คน
ด้วยความตื่นเต้นราวกับได้เจอฝูงนกเงือกในเทือกเขาบูโด
เลยเผลออุทานให้เพื่อนในมือถือฟังว่า “มรึง กุเจอติ่ง 5555”
เพราะเคยอ่านเจอแต่ในเวปบรรยายถึงลักษณะทางกายภาพ ไม่เคยเห็นของจริงซะที
(ไม่นับเหตุการณ์บนรถตู้วันนั้น)

มาดูที่การแต่งตัว
- ติ่งเหล่านั้นแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด รับ summer
กางเกงยีนต์ที่เรียกได้ว่า ”สั้นติดเตาแก๊ส” เสื้อรัดติ้วจนเห็นกระดูกเชิงกราน รองเท้าต้องร้องเท้าหนีบหูสีแสด
- มาถึงเทรนด์การแต่งหน้าที่ไม่มี stylist ชาติไหนรับรอง เรียกได้ว่า “เทรนด์แล้วแต่กุ”
กรีดตา บิ๊กอาย ปัดแก้ม หน้าขาววอกไม่แคร์คอ และนอกเหนืออื่นใด ปากแดงไว้ก่อน
ไม่ว่าจะปัดแก้มสีฟ้า สีเขียว สีดำ หรือสีอะไรก็ตามแต่ แต่ ตีมหลักคือปากต้องแดง
เล็บไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่าสีดำเป็นเล็บห้อเลือดมาทีเดียว


กระผมเดินตามกลุ่มนกเงือกนั้นมาติดๆ 1ในนั้นมีนกเงือกกลายพันธุ์มาด้วย 1คน ขอเรียกว่า นกหัวโปด
เป็นผู้ชายผมสั้น ไม่มีนม แต่ใส่เสื้อใน...........เพื่อ?
ตอนนั้นความรู้สึกคือเอ็นดูเฉยๆ แบบว่า เออก็ตลกดี
ครั้งนึงตอนเราเด็กๆก็เคยเป็นแบบนั้น(ไม่ได้แต่งแบบนั้นนะ อย่าเข้าใจผิด)
พอกลับไปดูรูปตอนเด็กๆยังต้องแทบจะทำลายหลักฐานทิ้ง
เรียกได้ว่า ถ้าเด็กพวกนั้นมาเห็นตัวเองตอนนี้ในอีกสิบปี อาจต้องกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
แต่ใจจริงอย่ากให้น้องๆสวยตามวัยมากกว่า เข้าใจว่าผู้หญิงต้องรักสวยรักงามธรรมดา
แต่ว่าก็น่าจะให้เหมาะกับวัยนิดนึง น้องเป็นนกเงือกก็ควรจะสวยแบบนกเงือก ไม่น่าจะแต่งให้มากเกินไป

ผมเดินตามหลังพวกติ่งมากระชั้นชิด ไม่คิดว่าเราจะไปทางเดียวกัน นั่นคือรถไฟใต้ดิน
ผมลงบันไดเลื่อน ยืนติดพวกนั้นที่ยืนกันเต็ม ก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่รีบ
พอเข้ารถไฟใต้ดินก็เงียบสิครับ ได้ยินที่น้องๆพูดทุกคำ

นกเงือกฝูงนี้น่าแปลก มีชื่อที่เหมือนกันทุกคน พวกเธอมีชื่อว่า “flower”
และคำนำหน้าก็แตกต่างจากพวกเราที่มีนาย นาง นางสาว นำหน้า
แต่พวกน้องๆมีคำว่า E เป็นสรรพนามเรียกนำหน้าชื่อ
ส่วนพวกสร้อยต่างๆเช่น เอย ผิว่า กระนั้น นั้นก็จะมีคำเฉพาะของพวกนางอาธิเช่น เชี่ย แมร่ง ฮ่า สารพัด
ผมได้ยินคำแรกถึงกับสะดุ้ง นึกว่าพวกน้องด่าผม ไม่คิดว่าคำพวกนั้นน้องจะพูดกันเอง
และพูดถึงครูบาอาจารย์ “e flower แมร่งมานั่งใกล้กุ กุอดลอกโพยเลย สัส” นี่คือตัวอย่าง

บทสนทนาดำเนินไป บันไดเลื่อนก็เลื่อนไป ผมไม่ค่อยจะแปลกใจกับคำพูดเด็กสมัยนี้เท่าไหร่
คงเป็นไปตามกระแส พูดแล้วมัน Cool มัน Chick ตามความคิดเห็นของน้อง
ใครพูดเพราะ พูดสนิมสร้อย ก็จะกลายเป็นเด็กตอแหน เป็นเด็กไม่มีไร ไม่โดดเด่นวะงั้น
อันนี้เข้าใจ



แต่.............................จงอย่าคิดว่าเรื่องจบแค่นี้
มาดูบทสนทนาที่ทำให้ผมแทบเป็นลมกับคำพูดของเด็กที่น่าจะไม่เกิน ม.ต้น เหล่านี้

เงือก1 : e flower อย่ามายุ่งกับมือถือกุ
เงือก2 : ขอกุดูหน่อย(เปิดดูรูป) นี่ไอ่เบิร์ดห้อง 7 นี่หว่า
เงือก3,4,นกหัวโปด : ทำเสียงฮือฮาตื่นเต้น
เงือก1 : ยิ้มโชว์พาวน์ .....เออ (ทำหน้าเขินอาย)
เงือก3 : e flower มรึงกินมันตั้งแต่เมื่อไหร่
เงือก1 : อาทิตย์ที่แล้ว
เงือก2 : เหรอ (ตาลุกวาว) แซ๊บป่าววะแก
เงือก1 : โอ้ย ฮ่า แซ๊บกะผีอะไร นอนแข็งยังกะศพ อวยก็เล็กเท่าดินสอ แถมยังไม่แข็งอีก กุปั่นเกือบตาย

เงือก1 เงยหน้าหันมาทางผม...
(เป็นกุกุก็ไม่แข็ง) ผมนึกในใจ เห็นหน้าน้องนางแล้วไซร้ คิดถึงนกแก้วมาคอร์ Colorful Thailand มาก

เงือก1 : มรึงจำที่กุส่งบีบีให้มรึงป่ะ นั่นน่ะกุเอากะมันอยู่....

ผมฟังแล้วแทบจะเป็นลมล้มฟาดราวบันไดเลื่อน เสียงน้องๆหัวเราะกันคิกคักๆ
เอาไงดีกุจะเดินฝ่าไปดีมั๊ย..ไม่ดี อยากฟังต่อ555

เงือกไหนพูดแล้วไม่รู้ จำไม่ได้ หน้ามืด : แล้วปั๋วมรึงหล่ะ

หาน้องมีปั๋วกันแล้วเหรอเนี๊ยะ โอ้ว นี่หรือเมืองพุทธ

เงือก1 : โอ้ย ชั่งหัวแมร่งเหอะว่ะ เลว วันก่อนกุจับได้ว่าเอาอิจุ๊บห้อง3มาเอาบนเตียงกุ

หา!!!!!! นี่อยู่ด้วยกันด้วย

เงือก1 : แต่ กุไม่แคร์ กุสวย (เพื่อนๆตบมือหัวเราะเห็นด้วย)

หากศาลถามว่ามีใครคัดค้านจุดนี้มั่ง ผมนี่แหละจะยก

เงือก1 : มันเลวได้ กุก็เลวได้ มันดูด บุหรี่กินเหล้ากุก็ทำได้ มันสำส่อนได้ กุก็ทำได้ (พูดประมาณนี้)

ผมฟังแล้วแทบเป็นลม นี่ขนาดเราเป็นผู้ชายแท้ๆ พ่อแม่ ญาติก็ไม่ใช่ ยังฟังแล้วสลดใจ
นึกถึงว่าถ้าเป็นพ่อแม่แล้วจะตรอมใจขนาดไหนเนี๊ยะ

เงือก1 : อย่าได้แคร์ พวกมรึงก็เหมือนกัน ผุ้ชายไม่ใช่พ่อ มันทำได้เราก็ทำได้ (ยังมีหน้าไปสอนเพื่อน)

พวกเงือกอื่นๆพยักหน้างึกๆ ที่อย่างงี้ละเชื่อฟังกันหน้าสลอน ที่พ่อแม่สอนสิ่งดีๆละทำหูทวนลม
พูดอะไรกันต่อไม่รู้ ผมหูอื้อ

เงือก1 : นี่ e flower แต่ตอนนี้กุได้ใหม่นะเว้ย เด็กพานิช....เย็นนี้เสร็จกุ ดูรูปมั๊ยมรึง ใหญ่เบ้ง

ทั้งหมดมุงดูมือถือเงือก 1 แล้วกรี๊ดกร๊าดกระตู้ฮู้ ใบหน้าแดงเขินอาย



ผมเห็นภาพเหล่านั้นแล้วเครียดครับ ยอมรับเลย พาลนึกไปถึงไม่อยากมีลูกสาวเลย กลัวได้แบบนี้
"สาธุ ถ้ามีลูกสาวแบบนี้ ขอมีลูกสาวเป็นทอมดีกว่า"
นี่อะไร นี่มันยุคไหน ผมว่าอายุผมกับน้องๆเหล่านั้นก็ห่างกันไม่น่าจะเกิน15 ปี(ก็นานอยู่นะ)
ยุคผมผู้หญิงที่จะวี๊ดว๊ายหน้าแดงแบบนี้ได้ ก็ต่อเมื่อมีผู้ชายแอบมอง แอบแซว
บางทีเขาแซวหมาแซวแมวก็ดันไปคิดว่าแซวเรา เขินซะเต็มที่(เพื่อนผมเคยมาแล้ว)
มือเผลอไปโดนมือ หรือแค่ได้นั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับคนที่ตัวเองชอบแค่นั้น
แต่มาดูเด็กยุคนี้อะไรกัน ถึงขนาดเอารูปลับๆของเด็กผู้ชายมาโชว์ มาตื่นเต้นกันแล้วเหรอนี่ หรือว่ากุแก่.....

“คืนนี้จัดหนักแน่กุ” เสียงหัวเราะของเด็กพวกนั้นบาดลึกเข้าไปในจิตใจ (อ่านนิยายมากไปหน่อยขออภัย 555)
ผมทนไม่ไหวอ่ะครับ รีบเดินแทรกผ่านกลุ่มนั้นไปทันที ไม่อยากมองหน้าด้วย
แบบว่า อายแทน กระดากใจยังไงไม่รู้ที่ได้ยินเรื่องของพวกนั้น



มันไม่ใช่สิ่งที่น่าภูมิใจเลยนะสาวๆ ขอสอนน้องๆผ่านในนี้หน่อยเหอะ
ไม่ได้เก่งมาจากไหนหรอกนะ แต่พูดจากใจผู้ชายคนนึงที่ผ่านอะไรมาไม่น้อย

-การแต่งตัวกิริยามารยาท เราอยากได้คนดีๆมาเป็นแฟนก็ควรจะแต่งตัวดีๆ มีมารยาท
หากทำแบบน้องเหล่านั้น ผู้ชายที่เข้ามาก็คงไม่พ้นแบบน้องนั่นแหละ

-คำพูดคำจา พูดแรงใช่จะเท่ห์ สวรรค์ส่งปากมาให้เพื่อพูดสิ่งดีๆเพราะๆ
ไม่ใช่เอาไว้ขับถ่ายของเสีย ไม่งั้นจะมีตูดไว้ทำไมจริงป่ะ (แรง)
พูดหยาบได้ไม่ใช่ไม่ได้ แต่ต้องดูกาลเทสะ ลองดูคนบางคน
มีปากแต่พูดไม่ได้เพราะเป็นใบ้ หรือพูดได้ แต่กว่าจะพูดออกมาได้ทีละคำแทบจะกระอักเลือด
(หากใครเคยดูรายการคนค้นคนคงเห็นน้องๆ3 คนที่พิการร่างกายแต่จิตใจประเสริฐเหล่านั้นนะครับ)
แต่บางคนมีปากสักแต่พูด

-เรื่องทำตามผู้ชาย จะไปทำตามมันทำไม มันจะเลว จะเอี้ย จะสำส่อนก็เรื่องของมัน
ตรรกะน้องนี่ประหลาด มันทำได้เราทำได้ มันเลวก็ปล่อยมันไปสิ เราเลือกได้นี่
คุณค่าเราเราเพิ่มเองได้ เหมือนกับไข่ไงอยากมีคุณค่าก็เติมไอโอดีนเข้าไป
ปลากระป๋องอยากแตกต่างก็ยำให้เสร็จ เด็ดกำลังดี แบบนี้

อยากให้ผู้ชายเห็นค่าก็เพิ่มค่าให้ตัวเอง น้องลดค่าตัวเองลงก็เท่ากับลดเกรดผู้ชายที่จะเข้ามาด้วย
ลองนึกดูว่าจะมีผู้ชายดีๆสักกี่คนที่เอาผู้หญิงเมาอ๊วกแตกทุกคืน มาทำภรรเมีย
ทำตัวแบบนี้พี่ทายว่าคงไม่พ้นได้แว๊นซ์นั่นแหละ ไม่ได้จะดูถูกนะ

ผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงนะน้อง ที่ชอบคนเลว 555



อย่าเอาผู้ชายมาเป็นเป้าหมายหลักในชีวิต กราฟชีวิตน้องจะดีจะเลวไม่ได้แปรผันอยู่กับผู้ชาย
ผู้ชายมีไว้ให้ชีวิตกรุบกริบๆพอเคี้ยวแล้วมีอะไรให้ลิ้นดุนเล่น
ชีวิตยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะแยะ จะทำนม ฉีดโบท๊อกซ์ลดน่อง จะเรียนทำขนม จะเรียนภาษา
จะไปแข่งรถ จะทำงานเอาตำแหน่ง จะเป็นแม่ที่ดีของลูก อีกมากมาย ที่เพิ่มคุณค่าทางอาหารให้ตัวเองก็ทำไปเถอะ
แต่อย่าทำทุกอย่างเพียงเพราะผู้ชายเลย มันเพลียมากจุดนี้
คิดซะว่าตามหลักธรรมชาติ ผู้ชายมีไว้แค่สืบพันธ์ เสร็จแล้วจะกินหัวซะเหมือนตั๊กแตนตำข้าวก็ยังได้
(ตูก็ผู้ชายนี่หว่า ผู้ชายอย่าด่าผมนะ ผมแค่จะเอาใจผู้หญิงเท่านั้นเอง 555 )
แต่อย่าทำแบบน้องพวกนี้ เพราะว่าแค่ผู้ชายแย่ๆเลย



สงสารพี่มั่ง พี่ก็แก่ตัวลงทุกวัน อนาคตประเทศก็ฝากไว้ที่เด็กอย่างน้องนี่แหละ
ถ้าพวกน้องๆเป็นซะแบบนี้ แล้วตอนพี่แก่ลงไปรัฐก็ให้เงินค่าคนชราแค่ 500 บาทต่อเดือน
ที่เหลือเอาไปเป็นค่าเลี้ยงดูลูกน้องในกรณีที่น้องเอาลูกไปทิ้งตามถังขยะเปียก
เอาไปรณรงค์ให้น้องใช้ถุงยาง เอาไปทำโฆษณาไม่ให้น้องท้องก่อนแต่ง ตายน่ะสิพี่ คนแก่อย่างพี่แย่เลยนะนั่นน่ะ

ที่พูดมาทั้งหมดบทสรุปก็จบที่เป็นห่วงตัวเอง กลัวไม่มีอะรจะกิน กลัวประเทศจะล้นหลามไปด้วยเด็กกำพร้า
แค่นี้ไทยเราก็ได้อันดับสองวัยรุ่นท้องก่อนแต่งแล้ว น่าภูมิใจมั๊ยเนี๊ยะ

คิดสักนืดนะน้องนะ เชื่อพี่



จบและ (กว่าจะหาที่จบลง....เฮ้อ)


จากคุณ : airbusboy

*******************************************************************************



ปอลอ.

ขอบคุณเว็บไซต์ พันทิปดอทคอม ห้องโต๊ะเครื่องแป้ง ด้วยนะคะ
ขอบคุณคุณ airbusboy ด้วยค่ะ เขียนมัน อ่านสนุก เห็นภาพสดๆยังกับเป็นไลฟ์วิววีดีโอ คราวหน้าจะนำข้อความอ่านสนุกของคุณเขามาแปะอีก


ภาพประกอบตต่อเนื่องจาก
P.Ach's scrap blog บล็อกเฮียๆ

ขอขอบคุณเจ้าของบล็อกด้วยนะคะ